การพัฒนาเด็กปฐมวัยเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ผ่านการเล่น ของเล่นและสื่อการเรียนรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ “ลูกบอล” เป็นของเล่นลำดับต้น ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชายจะได้เล่นและคุ้นเคย ด้วยคุณลักษณะของลูกบอลที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ได้ดี คือ ทรงกลม กลิ้งได้ เด้งได้ นำมาเล่นได้หลากหลายรูปแบบ เล่นคนเดียวก็ได้ เล่นกับเพื่อน ๆ ก็ดี จึงเป็นสิ่งที่เด็กห้องเตรียมอนุบาล โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่สนใจอยากเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Project Approach ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองของเด็กอย่างลุ่มลึกในเรื่องที่สนใจและตกลงร่วมกัน จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างเป็นองค์รวม โดยเด็ก ๆ ใช้เวลาในการเรียนรู้ 7 สัปดาห์ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพอย่างเหมาะสมตามวัย โดยครูเป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กในทุก ๆ ด้าน มาดูกันว่าเด็ก ๆ จะได้อะไรจาก “ลูกบอล”
ในสัปดาห์แรก เป็นระยะเริ่มต้นของกิจกรรม ครูจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้ช่วยกันหาหัวข้อเรื่อง เด็ก ๆ ได้ช่วยกันเสนอเรื่องที่แต่ละคนสนใจด้วยการบอกเล่าและวาดภาพ และให้เด็กแต่ละคนเลือกหัวข้อเรื่องด้วยการนำชื่อตนเองไปติดในช่องเรื่องที่สนใจ หลังจากนั้นจึงช่วยกันสรุปผล เรื่อง “ลูกบอล” เป็นเรื่องที่มีเด็ก ๆ ลงคะแนนเลือกมากที่สุดถึง 12 คะแนน มากกว่าเรื่องจักรยาน ลูกบาสเกตบอล ไก่ หมู สุนัข เรือ และรถกระบะ ซึ่งครูก็ได้นำมาเรื่องต่าง ๆ ที่คะแนนน้อยกว่ามาเชื่อมโยงเพิ่มเติมให้กับเด็ก ๆ ในกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ
ในระยะที่ 2 ของกิจกรรม Project Approach เป็นระยะที่เด็กต้องช่วยกันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 5 สัปดาห์ โดยเริ่มจากการถ่ายทอดประสบการณ์เดิมของแต่ละคนเกี่ยวกับลูกบอลผ่านการบอกเล่า แม้จะมีเด็กน้อยบางคนยังสื่อสารผ่านการพูดได้ไม่ชัด หรือยังไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ครูจะคอยดูแลและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด และเด็ก ๆ ยังสามารถถ่ายทอดประสบการณ์เดิมในรูปแบบอื่น ๆ ได้ เช่น การวาด การปั้น การประดิษฐ์ เป็นต้น หลังจากนั้นเด็ก ๆ ได้ช่วยกันตั้งคำถามที่สงสัยและสนใจอยากรู้เกี่ยวกับลูกบอล สรุปร่วมกันได้ 5 ประเด็น ได้แก่ ลูกบอลคืออะไร ลูกบอลมาจากไหน ประเภทของลูกบอล ลักษณะของลูกบอล และประโยชน์ หลังจากนั้นเด็ก ๆ ได้ช่วยกันเสนอวิธีค้นหาคำตอบด้วย เช่น “ไปถามคุณพ่อเพราะคุณพ่อเป็นครูสอนพละ สืบค้นในหนังสือและคอมพิวเตอร์ สืบค้นที่สนามฟุตบอล” เป็นต้น
เมื่อได้วิธีการแล้วเด็ก ๆ ได้ตั้งสมมติฐานก่อนเริ่มค้นหาคำตอบแรกว่า “ลูกบอลคืออะไร” เช่น “ลูกบอลคือลูกกลม ๆ เด้งได้ เอาไว้เตะ เอาไว้เล่น” เป็นต้น เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถสืบค้นในหนังสือหรือคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตนเอง ครูจึงให้เด็ก ๆ ได้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับพยัญชนะและช่วยกันสะกดคำเพื่อนำไปเปิดหาในพจนานุกรมและพิมพ์ค้นหาใน Google โดยครูช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเด็ก ๆ จนพบคำตอบและอ่านให้เด็ก ๆ ฟัง และสรุปความหมายสั้น ๆ ร่วมกันได้ เพื่อให้เด็กได้คำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ครูได้จัดหาลูกบอลหลากหลายชนิดมาให้เด็กได้เรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น สังเกตดูลักษณะ รูปทรง สี ลวดลาย ขนาด การเคลื่อนที่ สำรวจด้วยการหยิบจับ สัมผัสพื้นผิว น้ำหนัก ความแข็ง และฝึกการเปรียบเทียบ เป็นต้น เมื่อเด็ก ๆ เกิดประสบการณ์แล้วจึงได้ถ่ายทอดเป็นผลงานลูกบอลหลากหลายรูปแบบ เช่น การปั้นจากวัสดุต่าง ๆ การวาดภาพระบายสี เป็นต้น หลังจากนั้นเด็ก ๆ ได้ช่วยกันสืบค้นประวัติของลูกบอลเพื่อตอบคำถาม “ลูกบอลมาจากไหน” โดยมีการคาดคะเนกันก่อนว่าลูกบอลผลิตขึ้นครั้งแรกที่ประเทศใด เช่น “ประเทศไทย ญี่ปุ่น อังกฤษ” เป็นต้น
ซึ่งตรงกับคำตอบที่ได้จากการสืบค้น คือ สมาคมฟุตบอลอังกฤษที่มีการกำหนดรูปร่างและลักษณะของลูกฟุตบอลขึ้นครั้งแรก ในระหว่างการเรียนรู้เด็ก ๆ มีประเด็นสงสัยเพิ่มเติมจากประเด็นหลัก คือ “อยากรู้ว่าทำไมลูกบอลกระเด้งได้” จึงได้ทดลองโยนลูกบอลหนังและลูกบอลผ้าเปรียบเทียบกัน เด็ก ๆ ช่วยกันบอกสิ่งที่สังเกตได้ เช่น “ลูกบอลกระเด้งได้เพราะลูกบอลแข็ง เพราะมีลมข้างใน” เป็นต้น เพื่อให้ได้คำตอบในเรื่อง “ประเภทของลูกบอล” ครูได้จัดหาลูกบอลหลากหลายชนิดมาให้เด็กได้สำรวจและทดลอง เช่น ลูกวอลเลย์บอล ลูกบาสเกตบอล ลูกเบสบอล ลูกรักบี้ ลูกเทนนิส เป็นต้น ทำให้เด็ก ๆ ได้รับประสบการณ์เพิ่มเติมและถ่ายทอดออกมาผ่านการบอกเล่าและสร้างสรรค์ผลงานหลากหลายรูปแบบ และเพื่อให้คลายสงสัยว่า “ทำไมลูกบอลถึงแข็ง และทำไมลูกบอลถึงนิ่ม”
เด็กได้สำรวจและทดลองสูบลมลูกบอลจนได้คำตอบว่า “ลูกบอลนิ่มเพราะไม่มีลม สูบลมเขาไปมันก็แข็งขึ้น” และทดลองทำลูกบอลเด้งดึ๋ง ซึ่งแม้จะไม่ประสบผลสำเร็จ บอลเด้งไม่ได้ แต่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยกันวิเคราะห์สาเหตุและคิดหาวิธีแก้ไขปรับปรุงได้ เช่น “มันไม่เหนียว มันเละ ไม่เป็นก้อน ปั้นไม่ได้เพราะใส่น้ำมากเกินไป ต้องทำใหม่” เป็นต้น เด็ก ๆ ยังสนุกกับการค้นหาคำตอบ อยากให้ครูลองผ่าลูกบอลเพื่อจะได้รู้ว่าข้างในมีอะไร และทำการทดลองอีกหลาย ๆ อย่าง เพื่อให้ได้คำตอบเรื่อง “ลักษณะของลูกบอล” ก่อนทดลองผ่าลูกบอลครูให้เด็ก ๆ ได้ตั้งสมมติฐานกันก่อน เช่น “ข้างในลูกบอกต้องมีสารเคมี มีลม มีเม็ด” เป็นต้น ซึ่งหลังจากผ่าแล้วและได้ดูคลิปวีดิโอประกอบ ทำให้เด็ก ๆ สรุปร่วมกันได้ว่า “มีลูกบอลอีกลูกอยู่ข้างในเป็นสีดำที่ทำมาจากยางเรียกว่ายางใน” เด็ก ๆ ยังสงสัยอีกว่า “ทำไมลูกบอลถึงต้องกลม” จึงได้ช่วยกันสืบค้นจนได้คำตอบ เช่น “สี่เหลี่ยมกลิ้งไม่ได้เพราะมีมุม ๆ มันกลิ้งได้เพราะเป็นทรงกลม” เป็นต้น และยังได้ทดลองการจมและลอยของลูกบอล ซึ่งเด็ก ๆ ได้ตั้งสมมติฐานไว้ เช่น “ลูกรักบี้ไม่ลอยมันหนัก ลูกเบสบอลจมเพราะไม่มีลมอัดข้างใน” เป็นต้น
แต่หลังจากการทดลองเด็ก ๆ ได้เห็นว่าลูกบอลลอยทุกลูก จึงมีคำถามต่อไปว่า “ทำไมลูกบอลถึงลอยได้” เด็กจึงได้ทดลองเพิ่มเติมอีกจนได้คำตอบว่า “ลอยน้ำได้เพราะมีอากาศข้างใน” ซึ่งเด็ก ๆ ได้นำประสบการณ์ที่ได้ทดลองและเรียนรู้มาช่วยกันออกแบบและประดิษฐ์ลูกบอลและที่สูบลมจำลองจากวัสดุต่าง ๆ และในช่วงท้ายของการค้นหาคำตอบ เด็ก ๆ ได้มีโอกาสได้เรียนรู้จากวิทยากรภายนอก คุณเชิดชัย สุวรรณนัง นักฟุตบอลทีมชาติไทย ได้เข้ามาพูดคุยและตอบคำถามของเด็ก ๆ เกี่ยวกับประเภทของลูกบอลและวัสดุที่นำมาใช้ทำลูกบอล และได้เชิญครูเกษมกับครูนุ๊ก ซึ่งเป็นครูสอนพละที่โรงเรียน มาพูดคุยแนะนำวิธีการเล่นลูกบอลชนิดต่าง ๆ ซึ่งเด็ก ๆ ได้ลองเล่นกันอย่างสนุกสนาน ในคำถามสุดท้ายที่เด็ก ๆ สงสัย คือ “ประโยชน์ของลูกบอล” เด็ก ๆ ช่วยกันสืบค้นจากอินเทอร์เน็ตและคลิปวีดิโอ สรุปคำตอบร่วมกันได้ เช่น “เอาลูกบอลมาเล่นกับสัตว์ได้ เอาลูกบอกมาออกกำลังกาย เล่นกีฬาทำให้ร่างกายแข็งแรง” เป็นต้น
เด็กได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงสัปดาห์ที่ 7 ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของกิจกรรม เป็นระยะสรุปผลการเรียนรู้ ซึ่งเด็ก ๆ ช่วยกันสรุปและถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยการบอกเล่าได้ทุกประเด็นคำถามที่เคยตั้งไว้ และสร้างสรรค์ผลงานภาพวาด งานปั้น งานประดิษฐ์จากเศษวัสดุที่สวยงามและสร้างสรรค์ และช่วงสุดท้ายของกิจกรรม เด็ก ๆ และครูช่วยกันนำผลงานต่าง ๆ มาจัดวางและตกแต่งห้องเรียนให้เป็นห้องแสดงนิทรรศการ เรื่อง “ลูกบอล” ที่สวยงามและสามารถดึงดูดความสนใจให้ผู้ปกครองและผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม แล้วท่านจะเห็นความก้าวหน้าของพัฒนาการด้านต่าง ๆ และภาคภูมิใจในความสามารถของบุตรหลาน เด็กน้อยจากชั้นเตรียมอนุบาล โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่
โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่
3810 ถนนพระราม 4 , แขวงคลองตัน เขตคลองเตย, กรุงเทพ, 10110 ob_start(); ?>
โทรศัพท์: (0) 2 249-0081-3 ob_start(); ?>เยี่ยมชมเว็บไซต์
เว็บไซต์